1 นโยบายเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับปรัชญา
จากคุณลักษณะและเนื้อหาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแนวทางในการดำเนินนโยบายและการบริหารเศรษฐกิจควรจะเป็นอย่างไร
เพื่อจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยพิจารณาจากโครงสร้างด้าน คุณลักษณะ
เนื้อหา และเงื่อนไข
จาก คุณลักษณะ
ของปรัชญานี้ชี้ให้เห็นว่า การบริหารเศรษฐกิจจะต้องเป็นทางสายกลาง
รู้เท่าทันเพื่อการใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาวิวัฒน์ ดังนั้น
นโยบายเศรษฐกิจจะไม่ใช่การปิดประเทศ
ต้องส่งเสริมการค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ณัฏฐพงศ์
ทองภักดีและคณะ(2542) ชี้ว่าการใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัฒน์ตามแนวนี้ จะสอดคล้องกับแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์เรื่องการผลิตและการค้าทำตามความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบของประเทศเป็นหลักการสำคัญ
นั่นคือการสร้างความได้เปรียบอย่างแท้จริงของประเทศ
นโยบายเศรษฐกิจจะต้องสนับสนุนการแข่งขันทางการผลิตและการค้าเพื่อให้สังคมมีประสิทธิภาพ
และผู้บริโภคได้ประโยชน์ ไม่ปกป้องอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ไม่มีความได้เปรียบในการผลิตโดยตั้งภาษีนำเข้าสูง
ซึ่งจะทำให้ไม่ได้ประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ เพราะสินค้านำเข้าจะมีราคาแพง
ต้นทุนการผลิตในประเทศสูงขึ้น
การส่งออกทำได้ยากขึ้นในขณะเดียวกันต้องมีนโยบายสำหรับผู้เดือดร้อนจากการกระแสโลกาภิวัฒน์ให้ปรับตัวได้
ส่วน เนื้อหา
ของปรัชญาที่กล่าวถึงความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล และมีระบบภูมิคุ้มกันแสดงว่า
นโยบายเศรษฐกิจต้องมีความสมดุล สามารถให้เหตุให้ผลและชี้แจงให้สาธารณชนเข้าใจได้
มีความโปร่งใส มีการคำนึงถึงความเสี่ยง และต้องมีระบบในการบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
ความพอประมาณ คือ การอยู่ได้โดยตนเอง
ยืนโดยขาของตนเอง มีการค้า การติดต่อกับสังคมอื่น แต่ตนเองอยู่ได้
ไม่พึ่งพิงแต่ภายนอก ในด้านของนโยบายสามารถมองทั้งระดับปัจเจกชน ชุมชนและสังคม
ในแง่ปัจเจกชน
นโยบายต้องช่วยให้ปัจเจกชนยืนบนขาของตนเองได้ นั่นคือ
มิมาตรการให้โอกาสทางเศรษฐกิจตามศักยภาพของแต่ละคน
มาตรการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการศึกษา การบริการของรัฐ
สาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างทั่วถึง รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ในขณะเดียวกันต้องมีมาตรการไม่ให้มีการสร้างหนี้สินมากเกินไปจนเกิดความไม่พอเพียง
ในด้านของชุมชน
นโยบายเศรษฐกิจต้องสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง
เพื่อช่วยให้คนในชุมชนยืนได้ด้วยตนเอง ชุมชนแต่ละชุมชนย่อมมีความแตกต่างกัน
ตามลักษณะของประชากร ทรัพยากร วัฒนธรรม ดังนั้น
นโยบายต้องให้ชุมชนพัฒนาความแตกต่าง นโยบายกระจายอำนาจจากส่วนกลางจะมีส่วนสำคัญในการสร้างสาธารณูปโภคและบริการที่สนองตอบต่อความต้องการของชุมชนได้ดีกว่าการดำเนินงานจากส่วนกลาง
นอกจากนี้จะต้องส่งเสริมการสร้างเครือข่ายของชุมชนด้วย
ในส่วนของระดับประเทศ ความพอประมาณ
คือ การที่จะมีนโยบายให้ความสำคัญแก่วัตถุประสงค์ทั้งสามด้านคือ
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพและความเท่าเทียมกัน
โดยไม่มุ่งให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากไปจนไม่พอประมาณ เกิดปัญหาด้านเสถียรภาพ
ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชน
โดยมีนโยบายโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม นโยบายการเงิน การคลังที่กำกับ
นโยบายเศรษฐกิจมหภาคของไทยควรเน้นเรื่องเสถียรภาพ
ซึ่งในอดีตมาตรการการเงินของไทยประสบความสำเร็จในการสร้างเสถียรภาพ
โดยในปัจจุบันนโยบายการเงินแบบ Inflation
targeting ก็เน้นเสถียรภาพด้านราคาเช่นกัน (สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
2542) นโยบายระดับประเทศต้องมีความสมดุลด้านการออมและการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน
นโยบายการออมของประเทศมีความสำคัญมากขึ้น
เมื่อสัดส่วนผู้สูงอายุต่อประชากรมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
การสาธารณสุขของประเทศดีขึ้น สุขภาพอนามัยของประชาชนจึงดีขึ้นด้วยทำให้คนมีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น
ดังนั้น จึงส่งผลให้สัดส่วนของผู้สูงอายุมากขึ้น
เมื่อเทียบกับสัดส่วนของผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน ดังนั้น
ผู้ที่อยู่วัยทำงานอาจจะรับภาระเลี้ยงทั้งเด็กและผู้สูงอายุไม่ไหว
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีการช่วยเหลือให้ประชาชนมีการออมในช่วงที่ยังอยู่ในวัยทำงานเพื่อจะได้นำเงินที่ออมนี้ไปใช้จ่ายเมื่อตนเองเกษียณอายุไปแล้ว
เพื่อลดภาระของผู้ที่ทำงานในอนาคต เช่น โครงการประกันสังคมเป็นต้น
ในด้านความมีเหตุมีผล ความรอบคอบ
การกำหนดนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจ ต้องมีความระมัดระวัง
พิจารณาเหตุและผลของการกระทำ โดยคำนึงถึงผลระยะยาว
และตระหนักถึงความเสี่ยงทั้งจากสภาพแวดล้อมและจากมาตรการของรัฐ
การกำหนดนโยบายของรัฐมีพื้นฐานข้อสมมุติในด้านดีมากเกินไป
ต้องวิเคราะห์ด้วยว่าหากสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนในด้านร้าย ผลของนโยบายจะเป็นอย่างไร
เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาวะฟองสบู่เกิดจากในระบบมาจากการที่มองเศรษฐกิจในแง่ดีเกินไป
เช่น เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วก็คาดว่าจะขยายตัวเช่นนี้ตลอดไป
จนมีมาตรการลงทุนขนาดใหญ่ไม่มีการเผื่อกรณีที่เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามคาด
ซึ่งจะทำให้เป็นวิกฤติเศรษฐกิจได้
การลงทุนของรัฐบาลต้องมีเหตุผล
ความรอบคอบ จึงต้องมีการวิเคราะห์โครงการเพื่อให้เห็นความคุ้มค่าของโครงการ
ซึ่งจะต้องพิจารณาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน สังคม
และสิ่งแวดล้อมโครงการที่ควรลงทุนจะมีความคุ้มค่าต่อสังคม แสดงถึงความพอเพียง
การวิเคราะห์โครงการยังทำให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ของโครงการรัฐบาลด้วย
นโยบายรัฐต้องไม่สร้างความไม่รอบคอบให้แก่ประชาชน
ตัวอย่างเช่น การประกันไม่ให้ธนาคารล้ม
ก็อาจทำให้มีแรงจูงใจที่ผู้บริหารธนาคารไม่สนใจความเสี่ยงที่จะมีผลต่อการประกอบการของธนาคารได้
หรือโครงการเกี่ยวกับการผ่อนภาระหนี้ของประชาชน ต้องไม่ทำให้ประชาชนมีการกู้หนี้ที่เกินตัว
โดยคาดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากนโยบายรัฐ
การมีภูมิคุ้มกันคือ
นโยบายรัฐบาลต้องคำนึงถึงผลของนโยบายในระยะยาวไม่เพียงผลเฉพาะหน้า
มีระบบที่ดีต่อการจัดการความเสี่ยง เพื่อปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลง เช่น
มาตรการเตือนภัยล่วงหน้า
เพื่อให้เตรียมตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือวิกฤติได้ ระบบเตือนภัยล่วงหน้า
ควรมีทั้งระดับ ประเทศ และระดับภูมิภาค
เพราะความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ทำให้ปัญหาในประเทศหนึ่งจะสามารถกระทบประเทศอื่นในภูมิภาคได้
มาตรการสร้างระบบ Social safety net มีกลไกสร้างสวัสดิการหรือเครือข่ายต่างๆ
เพื่อดูแลผู้เดือดร้อน ไม่ว่าจากการว่างงาน ไฟไหม้ น้ำท่วม หรืออุบัติเหตุต่างๆ
เช่น การประกันการว่างงาน
ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือคนที่อาจจะว่างงานจากการที่ผู้ผลิตต้องปิดกิจการลงเนื่องจากผู้ผลิตขาดความสามารถในการแข่งขัน
เมื่อประเทศเปิดเสรีในการลงทุนมากขึ้นแต่การประกันการว่างงานนี้ต้องเป็นการรับประกันในระยะสั้นหรือชั่วคราวเท่านั้น
มิฉะนั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไม่ทำงานกันมากขึ้น
เพราะถึงแม้ไม่มีงานทำแต่ก็ยังมีเงินใช้จากการที่รัฐบาลช่วยเหลือนั่นเอง
มาตรการรองรับผลของโลกาภิวัฒน์
ที่อาจจะทำให้มีผู้ผลิตที่ไม่สามารถแข่งขันได้ต้องมีการปรับเปลี่ยนกิจการ เช่น
กองทุนเพื่อการปรับตัวของผู้ประกอบการและแรงงานที่ถูกกระทบ
การมีเครื่องมือป้องกันการผันผวนของระบบเศรษฐกิจ
เช่น มาตรการการคลังหรือการเงินกำกับการเคลื่อนย้ายของเงินทุน
เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อป้องกันความผันผวนหรือวิกฤติเศรษฐกจิของประเทศสมาชิก
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า
เนื้อหาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงย้ำให้ตระหนักถึง ความสำคัญของการมีความสมดุลและมีความรอบคอบระมัดระวังในการดำเนินบริหารเศรษฐกิจ
เงื่อนไข
ในการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือ การมีความรอบรู้รอบคอบและมีคุณธรรมความซื่อสัตย์
นโยบายที่จะทำให้มีความรอบรู้รอบคอบที่จะนำไปสู่
ความระมัดระวัง คือมีมาตรการที่ทำให้มีระบบข้อมูลข่าวสารที่ดี ที่ประชาชนเข้าถึงได้
การบริหารเศรษฐกิจต้องมีระบบข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย
นโยบายรัฐต้องสร้างสังคมเป็นสังคมแห่งความรู้ ประชาชนมีการศึกษาที่ดี
จึงทำให้มีความรู้ความรอบคอบได้
การมีคุณธรรมและความซื่อสัตย์
คือ ระบบสังคมต้องมี ธรรมาภิบาลทั้งภาครัฐ และเอกชน
ในด้านของธรรมาภิบาลภาครัฐ
การบริหารเศรษฐกิจต้องมีนโยบายลดการฉ้อราษฏร์บังหลวงซึ่งทำให้มีผลเสียต่อทั้งด้านการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจและความเท่าเทียมกัน
เพราะเป็นการใช้ทรัพยากรที่ไม่มีประสิทธิภาพ มีต้นทุนสูงเกินควร
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าคนจนจะถูกกระทบจากการฉ้อราษฏร์บังหลวงมากกว่าคนมีเงิน
รัฐจะต้องลดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นที่เป็นโอกาสให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ
มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้มากขึ้นเพื่อให้มีความโปร่งใส
รวมทั้งมีมาตรการให้ภาคเอกชนให้บริการประชาชนแทนภาครัฐ นอกจากนี้ต้องมีมาตรการลดแรงจูงใจในการฉ้อราษฤร์บังหลวง
โดยเพิ่มรายได้ของข้าราชการ
แต่เพิ่มโอกาสในการถูกจับและลงโทษที่หนักสำหรับผู้ที่ทุจริต
ในด้านของภาคเอกชน
การมีบรรษัทภิบาลคือการทำให้ผู้บริหารไม่ทุจริตและกระทำการโดยคำจึงถึงผลประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อธุรกิจ
การบริหารเศรษฐกิจจะต้องมีโครงสร้างกฎหมายและสถาบัน ให้คุ้มครองผู้ถือหุ้นรายย่อย
มีระบบข่าวสารข้อมูลที่ดีแก่ผู้ลงทุนเพื่อให้ลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดี
มีบรรษัทภิบาลที่ดี มีระบบการตรวจสอบภายในที่ดี ลงโทษผู้บริหารที่ฉ้อโกง
2 การบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ
หากมีการวางนโยบายและดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามที่ได้อภิปรายข้างต้น
สังคมจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆได้อย่างสมดุล
ด้านการขยายตัวเกิดขึ้นได้
โดยใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัฒน์ การผลิตมีประสิทธิภาพจากระบบธรรมาภิบาลและบรรษัทภิบาลที่ดี
การขยายตัวมีความพอประมาณ นั่นคือจะมีความยั่วยืนไม่ใช่เฉพาะระยะสั้น
และมีความสมดุล จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา และกอบศักดิ์ ภูตระกูล(2546)
ชี้ให้เห็นว่า แนวทางพัฒนาตามพระราชดำริเป็น "การพัฒนาแบบ ล่างพร้อมบน
ชนบทพร้อมเมือง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความสมดุลในระบบเศรษฐกิจ
"เพราะเป็นการพัฒนาในทุกส่วนของสังคม"
ด้านเสถียรภาพ
ค่อนข้างชัดเจนว่าความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกัน คือ
การลดความเสี่ยง ความผันผวน ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ
เพระหากว่ามีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์
ก็จะมีเครื่องมือที่จะหลีกเลี่ยง รวมทั้งมีกลไกในการปรับตัว อย่างไรก็ตาม
ตามหลักความสมดุล หากมีเสถียรภาพในปัจจุบันแต่สร้างความไม่มีเสถียรภาพในระยะยาว
ก็จะมีปัญหาเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การมีอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่คงที่
แต่ให้มีการไหลเข้าของเงินทุนเป็นไปอย่างเสรี
ทำให้มีแรงกดดันให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศต้องปรับเปลี่ยนอย่างรุนแรงได้
และเกิด shock ขึ้นได้ในระบบเศรษฐกิจ
แนวทางบริหารเศรษฐกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน เพราะเป็นแนวคิดที่คำนึงความสมดุลของคนในสังคม
ให้ทุกส่วนในสังคมมีความพอเพียงยืนได้ด้วยตนเองผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะกระจายทั่วถึงกว่าแนวคิดที่จะให้มีความเจริญจากส่วนบนและหลั่งไหลลงสู่ส่วนล่าง
การสร้างภูมิคุ้มกันคือ การให้มีกลไกการบรรเทาผู้เดือดร้อน คือ การมี social safety net มีระบบสังคมที่เอื้ออาทร
มีการดูแลคนในสังคมทุกระดับ
เงื่อนไขที่ให้คนมีความรอบรู้ซื้อสัตย์คือการให้โอกาสทางการศึกษา
การทำให้สังคมมีคุณธรรม เป็นธรรมแก่คนทั่วไป โดยทั่วถึง
3. รัฐกับเศรษฐกิจพอเพียง
Adam Smith ผู้ได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งเศรษฐศาสตร์
เน้นที่ให้ระบบตลาดทำงานอย่างเสรี
โดยจะมีมือที่มองไม่เห็นนำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
โดยบทบาทรัฐที่สำคัญแบ่งเป็นสามด้าน (1) การปกป้องการรุกรานจากต่างประเทศ (2)
การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ดูแลเกี่ยวข้องกับการปกป้อง คุ้มครอง
ประชาชนภายใต้การปกครองของตนเอง (3) การสร้างสาธารณูปโภค ที่เอกชนไม่สามารถทำได้
ดังนั้น ในทัศนะนี้รัฐจะไม่มีบทบาทมากนักที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ
เศรษฐศาสตร์ในยุคใหม่
ให้ความสำคัญของบทบาทรัฐในการบริหารเศรษฐกิจมากขึ้น โดยภายใต้ระบบกลไกตลาด
รัฐจะมีบทบาทในการสร้างสถาบันต่างๆ ที่ทำให้ระบบตลาดทำงานได้ดี
เช่นการกำหนดกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ
การออกกฏเกณฑ์กำกับดูแลตลาดและการแลกเปลี่ยน
และเข้ามาแทรกแซงเมื่อตลาดมีความล้มเหลวทำงานไม่ได้สมบูรณ์ (Stiglitz J. 2000 pp. 76-89 ) เช่น
การผูกขาดโดยธรรมชาติ (Natyral monopoly) การมีผลกระทบภายนอก
(Externality) นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าระบบตลาดในความเป็นจริงจะไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
รัฐต้องเข้ามามีบทบาทอย่างเข็มแข็งเพื่อให้มีประสิทธิภาพ
เมื่อพิจารณาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการจัดการเศรษฐกิจ
ประกอบกับแนวทฤษฏีเศรษฐศาสตร์ จะมีข้อสรุปได้ว่า
การบริหารเศรษฐกิจไม่สามารถจะใช้ระบบกลไกตลาดเพียงอย่างเดียวต้องอาศัยภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ
รัฐจะต้องทำให้ตลาดทำงานได้ และแก้ไขความล้มเหลวของระบบตลาด นองจากนี้
ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ชี้ให้เห็นด้วยว่า รัฐต้องมีบทบาททางสังคม
ที่จะสร้างให้คนในสังคมมีความพอเพียง มีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกัน นั้นคือ เป็น
บทบาทที่ลึก ไปกว่าการทำให้ระบบตลาดทำงานตามแนวคิดเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก
ซึ่งหากจะมองในแต่ละด้านที่สำคัญคือ
รัฐต้องสร้างความสมดุลในการจัดการเศรษฐกิจ
ก) คำนึงถึงเป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้งสามด้านดังกล่าวข้างต้น ข)
ขจัดความไม่สมดุลในด้านต่างๆในระบบเศรษฐกิจ ค) มีระบบที่จะสร้างความพอประมาณ
ความมีเหตุมีผลของคนในสังคม
รัฐต้องมีระบบการจัดการเศรษฐกิจมหภาค
ต้องเน้นเสถียรภาพและการจัดการความเสี่ยง โดยไม่มองในแง่ดีเกินไป
เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ดี
มีความยืดหยุ่นรองรับต่อความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงชี้ให้เห็นว่า
การดำเนินตามปรัชญานี้ เงื่อนไขสำคัญคือ รัฐต้องมีระบบธรรมาภิบาลที่ดี นั่นคือ
การสร้างให้การบริหารจัดการทั้งภาครัฐมีประสิทธิภาพ มีความรับผิดรับชอบ
ความโปร่งใส โดยประชาชนต้องมีส่วนร่วม
รัฐเองต้องมีความพอเพียง
โครงการและมาตรการรัฐ ต้องไม่สร้างความไม่พอประมาณ ความไม่มีเหตุมีผล
การลงทุนและการก่อหนี้ของภาครัฐต้องไม่เกินตัวและคำนึงถึงผลกระทบระยะยาว
หากให้การตัดสินใจของรัฐมีเหตุมีผล รัฐจะต้องมีข้อมูลที่ดี
มีการศึกษาเพื่อวางแผนวางนโยบายที่ดี คนในรัฐบาลต้องมีการศึกษา
มีความรู้ความเข้าใจในปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง
ซึ่งโยงถึงการมีระบบการเมืองที่ดีด้วย
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ชี้ให้เห็นบทบาทของรัฐในการบริหารเศรษฐกิจที่กว้างกว่าแนวคิดเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไป
โดยรัฐต้องมีการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ส่งเสริมให้ระบบตลาดทำงานได้ดีและแทรกแซงเมื่อตลาดมีความไม่สมบูรณ์
และต้องสร้างความพอเพียงในระบบเศรษฐกิจ ทั้งระดับประชาชน ชุมชน และประเทศ
ยิ่งไปกว่านั้นรัฐเองต้องมีความพอเพียงโดยตัวเองอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น