มนุษย์เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของระบบนิเวศซึ่งจำเป็นต้องใช้ธาตุอาหารและพลังงานที่มีอยู่ในระบบนิเวศเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การเพิ่มขึ้นของประชากรทำให้มนุษย์ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากยิ่งขึ้น การเพิ่มจำนวนประชากรมนุษย์ไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่อการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมของธรรมชาติเท่านั้นหากความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตของมนุษย์ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นด้วย
การดำรงชีวิตของมนุษย์นั้นต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆดังนี้
1.การอาศัยกระบวนการทางธรรมชาติ คือ มนุษย์ต้องอาศัยกระบวนการที่เกิดขึ้นทางธรรมชาติหรืออาศัยธรรมชาติในการดำรงชีวิต เช่น ธาตุและพลังงานที่อยู่ในตัวมนุษย์เกิดจาก “กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง” ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่สุดในสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2. การสร้างที่อยู่ การตั้งบ้านเรือนหรือชุมชน ของประชากรมักจะเลือกอยู่ตามแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น การตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำเพื่อประโยชน์ในการใช้น้ำในการอุปโภคบริโภค ใช้หาสัตว์น้ำเป็นอาหาร
3.การประกอบอาชีพ จะเห็นได้ว่าอาชีพต่างๆของประชากรมักจะเป็นไปตามทรัพยากรท้องถิ่น เช่น พวกคนที่อาศัยอยู่ในป่าก็จะมีอาชีพในการหาของป่า การล่าสัตว์ หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ริมน้ำหรือชายทะเลก็จะมีอาชีพ การทำการประมง เลี้ยงสัตว์น้ำ ส่วนพวกคนที่อาศัยตามที่ราบลุ่มก็มีอาชีพในการทำนา ทำสวน เป็นต้น
วัฒนธรรมและประเพณี การดำเนินชีวิตของมนุษย์แต่ละท้องถิ่น เช่น การแต่งกาย การรับประทานอาหาร การใช้เครื่องมือประดับตกแต่ง ตลอดจนประเพณีต่างๆมักเป็นไปตามธรรมชาติของท้องถิ่น เช่น พวกที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นมักจะใส่เสื้อผ้าหนาๆ เป็นต้น และส่วนประเพณีก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เช่น สังคมไทยเป็นสังคมการเกษตรกรรมก็มีประเพณีทำขวัญข้าว เป็นต้น

ภาพประชากรกับธรรมชาติ
มนุษย์นับว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ยิ่งในแต่ละปีแนวโน้มของจำนวนประชากรมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ความต้องการที่จะใช้ทรัพยากรก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยทำให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลง ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเพิ่มจำนวนประชากรสามารถสรุปได้ดังนี้
- อากาศเสีย การเพิ่มจำนวนของประชากรทำให้ต้องเพิ่มการใช้ยานพาหนะต้องใช้น้ำมันมากขึ้น ทำให้เกิดการปล่อยสารพิษจากยานพาหนะทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ออกสู่อากาศมากขึ้น
- น้ำเสียและการขาดแคลนน้ำ ปัญหาน้ำเสียเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่มีการทิ้งขยะมูลฝอย น้ำเสียจากชุมชน จากโรงงานอุตสาหกรรม ลงสู่แหล่งน้ำ รวมถึงมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ทำให้น้ำเน่าเสียไม่สามารถนำมาอุปโภคบริโภคได้ ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนผู้ที่อาศัยใกล้แหล่งน้ำ และทำให้สัตว์น้ำตายอีกด้วย
- การเกิดภาวะโลกร้อน ในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมาการที่อุณภูมิของโลกร้อนขึ้นนั้นเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของแก๊สเรือนกระจกในบรรยากาศโดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟลูออโรคาร์บอน มีเทน ไนตรัสออกไซด์ โดยมนุษย์เป็นตัวการสำคัญในการปล่อยแก๊สเรือนกระจก เช่น การทำอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง การเผาขยะ
- การสูญเสียป่าไม้และสัตว์ป่า มีสาเหตุมาจาการที่มนุษย์ตัดไม้ไปใช้ผลิตสินค้าสร้างที่อยู่อาศัย การขยายพื้นที่ในการเพาะปลูก ยิ่งภาวะที่ประชากรเพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการใช้ไม้มีปริมาณเพิ่มขึ้นไปด้วย และยังร่วมไปถึงการเกิดไฟป่าซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำให้ป่าไม้ถูกทำลาย
- ดินเสื่อมคุณภาพและการขาดแคลนที่ดิน มนุษย์มีจำนวนมากขึ้นจึงทำให้มีการใช้ที่ดินในการเพาะปลูกทำให้ธาตุอาหารที่อยู่ในดินถูกใช้หมด ดินจึงไม่สามารถปรับสภาพความสมบรูณ์ขึ้นเองได้ตามทันธรรมชาติทำให้ดินขาดความอุดมสมบรูณ์ในการเพาะปลูก รวมทั้งการใช้สารเคมี เช่น ปุ๋ย สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและสัตว์
- การขาดแคลนพลังงาน มนุษย์ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อฐานะทางเศรษฐกิจไปทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศผู้บริโภคน้ำมันที่ต้องซื้อน้ำมันในราคาที่แพงขึ้น การใช้พลังงานยังก่อให้เกิดสารพิษในสิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ
ปัญหาการจราจรติด ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ |
ปัญหาทรัพยากรดิน
![]() |
ภาพดินแห้งแล้ง |
การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน เนื่องจากที่ดินไม่สามารถเพิ่มขึ้นมาได้ ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของการใช้ที่ดินอย่างหนึ่งจะมีผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ที่ดินอีกอย่างหนึ่ง
มูลเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการในการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทมีดังนี้
1.ความต้องการเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจากความต้องการผลผลิตเพิ่มมากขึ้นและการแสวงหาที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ต้องบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ถึงแม้จะมีความพยายามในการรักษาพื้นที่ป่าไม้และมีการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ผืนป่าไม้ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
2.การขยายตัวของชุมชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของประชากร ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่ เช่น จากพื้นที่เกษตรกรรมก็เปลี่ยนเป็นพื้นที่ของที่อยู่อาศัย
3.พื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ลดลง เนื่องจากไปใช้พื้นที่ของทางราชการ การบุกรุกเข้าไปทำกิน สร้างที่อยู่อาศัย เป็นต้น
4.ความต้องการใช้น้ำมากขึ้น จากการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูร้อนของทุกปีความต้องการพื้นที่มาสร้างที่กักเก็บน้ำจึงเพิ่มขึ้นเช่น สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ทับที่ของทรัพยากรที่มีอยู่
ปัญหาทรัพยากรน้ำ
โลกของเราประกอบขึ้นด้วยพื้นดินและพื้นน้ำ โดยส่วนที่เป็นผืนน้ำนั้น มีอยู่ประมาณ 3 ส่วน (75%) และเป็นพื้นดิน 1 ส่วน (25%) น้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งกับชีวิตของพืชและสัตว์บนโลกรวมทั้งมนุษย์เราด้วย
น้ำเป็นทรัพยากรที่สามารถเกิดหมุนเวียนได้เรื่อย ๆ ไม่มีวันหมดสิ้น เมื่อแสงแดดส่องมาบนพื้นโลก น้ำจากทะเลและมหาสมุทรก็จะระเหยเป็นไอน้ำลอยขึ้นสู่เบื้องบนเนื่องจากไอน้ำมีความเบากว่าอากาศ เมื่อไอน้ำลอยสู่เบื้องบนแล้ว จะได้รับความเย็นและกลั่นตัวกลายเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ ลอยจับตัวกันเป็นกลุ่มเฆม เมื่อจับตัวกันมากขึ้นและกระทบความเย็นก็จะกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำตกลงสู่พื้นโลก น้ำบนพื้นโลกจะระเหยกลายเป็นไอน้ำอีกเมื่อได้รับความร้อนจากดวงทิตย์ ไอน้ำจะรวมตัวกันเป็นเมฆและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำกระบวนการเช่นนี้ เกิดขึ้นเป็นวัฏจักรหมุนเวียนต่อเนื่องกันตลอดเวลา เรียกว่า "วัฏจักรน้ำ" ทำให้มีน้ำเกิดขึ้นบนผิวโลกอยู่สม่ำเสมอ
![]() |
ภาพวัฎจักรของน้ำ |
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ทั้งของมนุษย์ สัตว์ พืช และน้ำฝนเป็นแหล่งที่มาหลักของแหล่งน้ำธรรมชาติ ในระหว่างปลายฤดูฝนมักเกิดพายุดีเปรสชันจากทะเลจีนใต้ที่นำฝนมาตกอีกส่วนหนึ่ง ทำให้ประเทศไทยมีน้ำพอใช้ในประเทศ แต่เนื่องจากความต้องการน้ำมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันปริมาณน้ำเสียก็กลับมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและเกิดในทุกภูมิภาค ทั้งน้ำเสียจาก ชุมชน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม มีผลให้คุณภาพน้ำของแม่น้ำหลายสายมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้เกิด การขาดแคลนน้ำขึ้นได้ในอนาคตหากไม่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดี
ปัญหาสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้น คือ
1. ปัญหาการมีน้ำน้อยเกินไป เกิดจากการขาดแคลนอันเป็นผลเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ปริมาณน้ำฝนน้อยลง เกิดความแห้งแล้ง ส่งผลเสียต่อพืชที่เพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ ทำให้มนุษย์ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ทำให้การดำรงชีวิตมีความลำบากและอาจทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาเพราะเมื่อไม่มีน้ำแล้วมนุษย์อาจนำน้ำตามแหล่งอื่นมาใช้โดยไม่รู้ว่าน้ำแหล่งนั้นเป็นน้ำที่ใช้ได้หรือไม่
2. ปัญหาการมีน้ำมากเกินไป เป็นผลมาจากการตัดไม้มากเกินไป ทำให้เกิดน้ำท่วมไหลบ่าในฤดูฝน สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน จะเห็นได้จากการที่น้ำท่วมมาเมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็บกักน้ำโดยไม่ระบายน้ำออกมาเท่าที่ควรรวมถึงการที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดภัยน้ำท่วมขึ้น ส่งผลให้มนุษย์อยู่กันอย่างยากลำบาก ขาดแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย
3. ปัญหาน้ำเสีย เป็นปัญหาใหม่ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นในทุกเขตพื้นที่โดยเฉพาะในแหล่งชุมชนที่มีน้ำท่วมขัง
สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำเสีย ได้แก่
- น้ำทิ้งจากบ้านเรือน ขยะมูลฝอยและสิ่งปฎิกูลที่ถูกทิ้งสู่แม่น้ำลำคลอง ส่งผลให้น้ำเกิดการขาดออกซิเจน ส่งกลิ่นเหม็นรบกวน
- น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นการปล่อยน้ำที่ใช้ล้างเครื่องจักร ล้างสิ่งของที่สกปรกต่างๆระบายออกมาโดยไม่มีการบำบัดเสียก่อน ทำให้น้ำเกิดมลพิษ
- น้ำฝนพัดพาเอาสารพิษที่ตกค้างจากแหล่งเกษตรกรรมลงสู่แม่น้ำลำคลอง
- น้ำเสียที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลเสียหายทั้งต่อสุขภาพอนามัย เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ และมนุษย์ ส่งกลิ่นเหม็นรบกวน ทำให้ไม่สามารถนำแหล่งน้ำนั้นมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งการอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ เพราะป่าไม้มีประโยชน์ทั้งการเป็นแหล่งวัตถุดิบของปัจจัยสี่ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคสำหรับมนุษย์ และยังมีประโยชน์ในการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ถ้าป่าไม้ถูกทำลายลงไปมาก ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น สัตว์ป่า ดิน น้ำ อากาศ ฯลฯ เมื่อป่าไม้ถูกทำลาย จะส่งผลไปถึงดินและแหล่งน้ำด้วย เพราะเมื่อเผาหรือถางป่าไปแล้ว พื้นดินจะโล่งขาดพืชปกคลุม เมื่อฝนตกลงมาก็จะชะล้างหน้าดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินไป นอกจากนั้นเมื่อขาดต้นไม้คอยดูดซับน้ำไว้น้ำก็จะไหลบ่าท่วมบ้านเรือน และที่ลุ่มในฤดูน้ำหลากพอถึงฤดูแล้งก็ไม่มีน้ำซึมใต้ดินไว้หล่อเลี้ยงต้นน้ำลำธารทำให้แม่น้ำมีน้ำน้อย ส่งผลกระทบต่อมาถึงระบบเศรษฐกิจและสังคม เช่น การขาดแคลนน้ำในการการชลประทานทำให้ทำนาไม่ได้ผลขาดน้ำมาผลิตกระแสไฟฟ้า

จากนโยบายเพิ่มปริมาณป่าไม้ด้วยการเพิ่มพื้นที่การอนุรักษ์และส่งเสริมการปลูกป่าอีกทั้งการประกาศปิดป่าส่งผลให้พื้นที่ป่าไม้มีปริมาณเพิ่มขึ้นแต่การลักรอบตัดไม้และสัตว์ป่าก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอ
สถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้
เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเขตอากาศร้อนขึ้นพืชและสัตว์ในประเทศไทยจึงมีความหลากหลาย สภาพแวดล้อมมีระบบนิเวศสลับซับซ้อน มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันกับระบบนิเวศในภูมิภาคและในโลก ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์นั้น คนไทยรู้จักการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่ามานานแต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและการลดปริมาณของสัตว์ป่าได้ทำให้การใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ยังมีคนไทยจำนวนมากที่ยังพึ่งพิงการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าอยู่
ปัญหาสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้น คือ
1.การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า สิ่งที่เป็นตัวการของปัญหานี้ คือ นายทุนพ่อค้าไม้ เจ้าของโรงเลื่อย เจ้าของโรงงานแปรรูปไม้ ผู้รับสัมปทานทำไม้และชาวบ้านทั่วไป เพื่อเอาประโยชน์จากเนื้อไม้ทั้งวิธีที่ถูกและผิดกฎหมาย ปริมาณป่าไม้ที่ถูกทำลายนี้นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอัตราเพิ่มของจำนวนประชากร ยิ่งมีประชากรเพิ่มขึ้นเท่าใด ความต้องการในการใช้ไม้ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด เช่น ใช้ไม้ในการปลูกสร้างบ้านเรือนเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตรกรรมเครื่องเรือนและถ่านในการหุงต้ม เป็นต้น ซึ่งต่อไปจะส่งผลต่างๆต่อตัวมนุษย์เอง เช่นทำให้เกิดการอพยพย้ายแหล่งที่อยู่อาศัย หนีภัยธรรมชาติ เป็นต้น
2. การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อเข้าครอบครองที่ดิน เมื่อประชากรเพิ่มสูงขึ้น ความต้องการใช้ที่ดินเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินก็ยิ่งสูงขึ้น เป็นผลผลักดันให้มนุษย์เข้าไปบุกรุกทำลายพื้นที่ของป่าไม้ เกิดการถางป่า หรือเผาป่าทำไร่เลื่อนลอย นอกจากนี้ยังมีนายทุนที่ดินที่จ้างวานให้มนุษย์เข้าไปทำลายป่าไม้เพื่อจับจองที่ดินไว้ขายต่อไป ซึ่งการกระทำตัวดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน และทำให้ป่าไม้และสิ่งมีชีวิตสูญสิ้นไป


ภาพเปรียบเทียบป่าไม้ที่ถูกเผ่ากับป่าไม้ที่ถูกทำลาย
แร่และพลังงาน
ความหมายของแร่
แร่เป็นทรัพยากรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเมื่อนำมาใช้แล้วก็จะหมดไป นอกเสียจากว่าเมื่อนำมาใช้แล้วจะนำไปดัดแปลงปรับปรุงเพื่อนำไปใช้ได้อีก ปัจจุบันความต้องการในการใช้ภายในประเทศมีเพิ่มมากขึ้นทำให้แร่ที่มีอยู่ขาดแคลน เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ในช่วงที่ขาดแคลนพลังงานหรือมีการควบคุมปริมาณการผลิตพลังงานทำให้สินค้ามีราคาสูงเพราะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่ใช้พลังงานเป็นเชื้อเพลิงเป็นต้น

แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆดังนี้
1. พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ มีใช้ในท้องถิ่นที่ห่างไกลและหาเชื้อเพลิงอื่นได้ยาก เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตสูง พลังงานน้ำใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมีแหล่งผลิตที่สำคัญ เช่น เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เป็นต้น พลังงานความร้อนใต้พิภพ สามารถนำมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า แหล่งที่สำคัญเช่น แหล่งบ้านโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พลังงานชีวมวล เป็นพลังงานที่ได้รับจากพืชและสัตว์ เช่น การใช้ฟืนและถ่านในการหุงต้ม แก๊สชีวภาพ แอลกอฮอล์ น้ำมันเป็นต้น
2.พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป เป้นพลังงานที่เกิดจากการทับถมของพืชและสัตว์ที่อยู่ใต้ผิวโลกนับร้อยล้านปี ซึ่งเป็นพลังงานหลักที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น ถ่านหิน ปิโตรเลียม เป็นต้นในระยะแรกได้มีการผลิตกระแสไฟฟ้าจากปิโตรเลียม ต่อมาได้พัฒนามาใช้ถ่านหิน พลังงานน้ำ แก๊สธรรมชาติ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพพลังงานไฟฟ้านับว่ามีความสำคัญต่อวิถีการดำเนินชีวิต และไฟฟ้าในระบบใหญ่ที่ผลิตขึ้นได้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งการใช้ภายในอาคารบ้านเรือน ใช้ในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคมนาคม การแพทย์ เป็นต้น
ปัญหาการขาดแคลนแร่ธาตุและพลังงาน
นับตั้งแต่การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ประเทศไทยสามารถนำก๊าซธรรมชาติมาใช้เป็นผลสำเร็จใน พ.ศ. 2524 โครงการผลิตอุตสาหกรรมเหมืองแร่ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจากการส่งออกแร่ดิบไปต่างประเทศ มาเป็นผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ภายในประเทศมาโดยตลอดและมีสัดส่วนการใช้ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแร่อุตสาหกรรมและแร่พลังงาน ใน พ.ศ. 2538 ประเทศไทยผลิตแร่ประมาณ 40 ชนิด โดยมีมูลค่าการผลิตแร่รวมประมาณ 20,947.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาทรัพยากรแร่ได้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เช่น ทำให้สภาพพื้นที่เสื่อมโทรม ทำให้เกิดฝุ่นละออง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นอย่างมากได้มีการกำหนดมาตรการบางอย่างในอันที่จะช่วยลด หรือขจัดปัญหาการขาดแคลนแร่ธาตุให้น้อยลงหรือให้หมดสิ้นไป ซึ่งมาตรการที่น่าจะทำอย่างได้ผล คือ
1. การสำรวจแหล่ง ชนิด และปริมาณสะสมของทรัพยากรแร่ธาตุเพิ่มเติม
2. การส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ธาตุควบคู่ไปกับการนำทรัพยากรมาใช้
3. การใช้วัสดุ หรือสิ่งอื่นแทนวัสดุที่ทำจากแร่ธาตุ เช่น การใช้วัสดุพลาสติก และการใช้วัสดุที่มีปรากฏตามธรรมชาติเป็นจำนวนมาก เป็นต้น
![]() |
ภาพแก๊สธรรมชาติ |
สำหรับความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมได้ส่งผลกระทบต่อประชากรหรือคุณภาพชีวิตประชากรดังนี้
1.การขาดแคลนอาหาร เมื่อผลผลิตทางการเกษตรพัฒนาอยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประเทศที่มีความยากจน เช่น ประเทศเคนยา เอธิโอเปีย เป็นประเทศที่มีความยากจนและขาดแคลนอาหาร
2.การเกิดโรคภัยไข้เจ็บ การเพิ่มสารพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่น การเพิ่มสารพิษจากการเกษตร น้ำเสียจากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของผู้ที่ได้รับสารพิษ ซึ่งสารอันตรายเหล่านี้ทำให้เกิดอาการเล็กน้อย เช่น วิงเวียน ปวดศรีษะ แพ้อากาศ ไปจนถึงการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรืออาจทำให้เสียชีวิตได้
3.การอพยพย้ายถิ่น การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติและความแห้งแล้งรวมทั้งภัยพิบัติจากธรรมชาติ เช่น อุทกภัย วาตภัย ทำให้ประชากรในหลายประเทศต้องอพยพย้ายถิ่นไปหาแหล่งที่อยู่ใหม่การเกิดปัญหาสังคม การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติทำให้เกิดปัญหาสังคม เช่น การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน การตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย การแย่งพื้นที่ทำกิน เป็นต้น
4.การเกิดปัญหาความยากจน คือการที่ประเทศขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติที่มีความอุดมสมบรูณ์ มีความแห้งแล้ง และมีประชากรจำนวนมาก เช่นประเทศอินเดีย ประเทศบังกลาเทศ เป็นต้น
![]() |
ภาพความยากจนของประชากร |
5.การขาดสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นมากเท่าไร ความต้องการที่พักผ่อนหย่อนใจก็มากขึ้นไปด้วย แต่สถานที่พักผ่อนหย่อนใจกลับมีอยู่อย่างจำกัด เมื่อประชากรใช้สถานที่เหล่านั้นมากขึ้นก็ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลง
6.การขาดสถานที่ศึกษาหาความรู้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันเกิดความเสื่อมโทรมมากขึ้น จึงทำให้มนุษย์ขาดสถานที่ที่จะศึกษาหาความรู้และทำให้เกิดความยากลำบากที่ส่งเสริมให้เกิดความรักความหวงแหนในสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
![]() |
ภาพปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพ |
อ้างอิง : https://population1.wikispaces.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น